เนื้อหา (Contents)

ประเด็นสำคัญ

  1. นิยามของ Health Literacy
    1. Healht Literacy คือ ทักษะ ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกทางสุขภาพ ว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร (Apply) และทางเลือกที่ตัดสินใจนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพ
    2. การที่จะตัดสินใจเลือกทางเลือกได้อย่างถูกต้องได้นั้น จำเป็นต้องใช้การประเมินอย่างรอบคอบ (Appraise) ซึ่งต้องเข้าใจ (Understand) ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมา(Access) เป็นอย่างดี
  2. อุปสรรคที่ประชาชนทั่วไป (Pain Point)
    1. ข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพบน internet ที่มีมากมายและไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องได้
    2. ข้อมูลข่าวสารที่ยากต่อการทำความเข้าใจ หรือแม้จะเข้าใจก็เข้าใจในระดับที่จะสามารถประเมินเพื่อนำไปสู่การตัดสินได้
  3. Health Literacy App จะมาจัดการ Pain Poin โดย
    1. คัดกรองข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพ โดยเลือกสรรมาให้พร้อมในแตละกลุ่มวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสมดได้โดยง่าย (Access)
    2. รวบรวม clip ที่เกี่ยวกับสุขภาพในแต่ละกลุ่มวัย เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
    3. รวบรวมแบบประเมินทางสุขภาพ (Assessment Tools) ของแต่ละกลุ่มวัย โดยใส่ตัวแปรที่เกี่ยวข้องเข้าไป เพื่อให้ App ทำการประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ ปกติ เสี่ยง หรือ ผิดปกติ พร้อมให้ข้อเสนอแนะ เพื่อช่วยประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรสาธารสุข สามารถประเมินสถาวะสุขภาพของตนเองได้ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและเกิดผลดีต่อสุขภาพ

ความเป็นมา
  1. Child Care เป็น web ที่เขียนตั้งแต่ปี 2554(10 ปีที่แล้ว) โดยเขียนบันทึกการบริการเกี่ยวกับการดูแลเด็กใน รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี ในเรื่อง การเจริญเติบโต (น้ำหนัก ส่วนสูง เส้นรอบศีรษะ) พัฒนาการเด็กด้วย DSPM และ DAIM .การได้รับวัคซีน และทันตสุขภาพของฟันน้ำนม โดยเขียนแบบ Web base หน้าจอแบบ Desk top เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้บันทึก
  2. เดิมข้อมูลทางด้านสุขภาพของเด็กบันทึกอยู่ในเวชระเบียนและเก็บไว้ที่ รพ. ศูนย์เด็กเล็ก หรือโรงเรียน ทำให้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อการตัดสินใจในการดูแลสุขภาพของเด็กได้ การเปลี่ยนให้ พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้บันทึก และใช้ App ในการแปรผลข้อมูลเหล่านั้น เพื่อให้ พ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถประเมินสุขภาพของเด็ก จะช่วยส่งเสริม Parental Health Literacy ทำให้การดูแลสุขภาพเด็กดียิางขึ้น
  3. App นี้ได้เตรียมเครื่องมือในการประเมินภาวะสุขภาพเด็กดังนี้
    1. ประเมิน บันทึก และสร้างกราฟ ภาวะการเจริญเติบโต โดยประเมินจากน้ำหนัก และส่วนสูง (Growth) ของเด็ก 0-5 ปี โดยใช้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    2. ประเมิน บันทึก และสร้างกราฟ ภาวะการเจริญเติบโต โดยประเมินจากน้ำหนัก และส่วนสูง (Growth) ของเด็ก 6-18 ปี โดยใช้มาตรฐานของกรมอนามัย
    3. ประเมินและบันทึกพัฒนาการเด็กด้วย DSMP และ DAIM
    4. ประเมินและบันทึกภาวะโลหิตจาง (Anemia)
    5. เตรียมแบบประเมิน Autistic ,ซนสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder หรือ ADHD) การเรียนรู้บกพร่อง (Learning Disorder หรือ LD) เป็นต้น

ประเด็นสำคัญ
  1. ข้อมูลสุขภาพ มีแต่ไม่ได้ใช้เท่าที่ควร การตรวจสุขภาพประจำปี อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ ของระบบบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ซึ่งข้อมูลถูกบันทึกในเวชระเบียนและเก็บไว้ที่สถานบริการ ทำให้เจ้าของข้อมูล ไม่สามารถทราบ ประเมิน และดูแนวโน้มของสุขภาพตนเองได้
  2. การให้เจ้าข้อมูล นำข้อมูลจาก ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก พฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ประวัติครอบครัว โรคประจำตัว เป็นต้น เมื่อนำมารวมกับข้อมูลการการตรวจสุขภาพประจำปี ได้แก่ ความเข้ามข้นของเลือด (Hct) น้ำตาลในเลือดเมื่ออดอาหาร (FBS)ค่าการทำงานของไต (BUN ,Cr ,Urine Albumin) ค่าไขมันประเภทต่าง ๆ (Cholesterol ,Triglycerid, HDL,LDL) ค่า Lab ค่า Lab อื่นๆ (Uric acid,Alkaline Phosphatase,SGOT SGPT) มาบันทึกผ่าน App แล้วให้ App นำข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลจาก lab หรือความเสี่ยงต่างๆ จะทำให้เจ้าของข้อมูลสามารถประเมินสุขภาพของตนได้ ซึ่งจะทำให้สามารถตัดสินใจที่ปรับปรุงวิถีชีวิตที่เอื้อต่อสุขภาพได้มากขึ้น
  3. App ได้เตรียมเครื่องมือในการประเมิน บันทึก และดูแนวโน้ม ในเรื่องต่างๆ สำหรับวัยทำงาน และผู้สูงอายุ มี ดังนี้
    1. การประเมิน และบันทึก และดูแนวโน้ม (กราฟ) น้ำหนัก ส่วนสูง เส้นรอบเอว และระดับของการทำกิจกรรมทางกาย (Physical Activity Level หรือ PAL) เพื่อนำไปประเมิน ภาวะน้ำหนักเกิน/อ้วน น้ำหนักในอุดมคติ (Ideal Weight) ภาวะอ้วนลงพุง และคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อวัน (Calories Expediture)
    2. การประเมินความพร้อมในการออกกำลังกาย (Physical Activity Readiness Questionnaire (PAR-Q)
    3. การประเมินผล lab ต่างๆที่ทำการตรวจสุขภาพ ว่าเกินเกนฑ์มาตรฐานที่กำหนดหรือไม่
    4. การประเมินภาวะเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอีก 10 ปีข้างหน้า (Framingham 10 year risk,Thai CV Risk Score)
    5. การประเมินการทำงานของไต eGFT , CKD
    6. การประเมินภาวะเสี่ยงต่อกระดูกหัก (FRAX)
    7. การประเมิน ADL (Activity Diary Living)
    8. การประเมินภาวะพึ่งพิงในผู้สูงอายุด้วย TAI
  4. เครื่องมือในการประเมินสุขภาพจิต
    1. ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burn Out)
    2. การคัดกรองภาวะซึมเศร้าด้วย 2Q,9Q (กรมสุขภาพจิต)
    3. แบบคัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 8 Q (กรมสุขภาพจิต)
    4. แบบประเมินความเครียด (5 คำถาม ST-5) และ 20 คำถาม (กรมสุขภาพจิต)
  5. การคัดกรองมะเร็งที่พบบ่อยและมีเครื่องมือคัดกรองที่มีประสิทธิผล
    1. มะเร็งลำไส้ใหญ่
    2. มะเร็งตับและถุงน้ำดี
    3. มะเร็งเต้านม
    4. มะเร็งปากมดลูก

เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับองค์กรที่จะพัฒนาองค์กรหรือชุมชน .ให้เป็น Health Literate organization โดย
  1. เก็บข้อมูลจำนวนองค์กร/ชุมชนที่แสดงความมุ่งมั่นที่จะเป็น HLO
  2. ประมวลผลข้อมูลสุขภาพในภาพรวม จำแนกตาม เขต จังหวัด อำเภอ
  3. ประมวลผลข้อมูลสุขภาพในภาพรวมของบุคลากรขององค์กร/ชุมชน

ในเบื้องต้น App ได้เตรียมเนื่อหาเกี่ยวกับ e Learning ไว้ 3 หลักสูตรดังนี้
  1. มะเร็งเต้านม รู้เร็วรักษาได้
  2. Breast Cancer Care Manager
  3. Health Literacy

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหว
    1. ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ และนามสกุล ถ้าไม่สะดวกสามารถใช้ชื่อเล่น และนามสกุลสมมุติ ก็ได้ เพราะทาง App ไม่มีความจำเป็นต้องทราบชื่อในการประเมินภาวะสุขภาพ
    2. จะไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้แก่ เลขประจำตัว 13 หลัก เบอร์โทรศัพท์
    3. ข้อมูลอ่อนไหว (Sensitive Data) ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ
  2. มาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    1. มีระบบในการ login เข้าระบบ ในส่วนของ password มีการตรวจสอบว่าไม่เป็น password ที่เดาได้ง่าย โดยต้องมีตัวอักษีอย่างน้อย 8 ตัวและมีอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ (Capital Letter) และอักษรพิเศษ (Special character) อย่างน้อย 1 ตัว
    2. มีการเข้ารหัสชื่อและนามสกุล (aes_encryption) ทำให้ไม่สามารถอ่านชื่อและนามสกุลในฐานข้อมูล ยกเว้นมีการใช้กุญแจเพื่อถอดรหัส (aes_decrypt) เพื่อให้เจ้าของข้อมูลอ่านออก
    3. มีระบบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และจำกัดผู้ควบคุมข้อมูลให้น้อยที่สุด
    4. การแสดงผลจะแสดงผลในภาพรวม โดยไม่มีการแสดงผลข้อมูลส่วนบุคคล
    5. ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล ไปสู่บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่เจ้าของข้อมูล ยกเว้นจะได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล และเพื่อประโยชน์ในการส่งต่อการเพื่อการรักษาเท่านั้น
  3. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการนำข้อมูลไปประมวลผลในทุกช่วงอายุ จึงจะจัดเก็บข้อมูลตลอดไป เพื่อให้เจ้าของข้อมูลสามารถทราบข้อมูลแบบ longitudinal ในแต่ละช่วงวัยตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่